ครม. มีมติอนุมัติโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภายใต้การพัฒนา EEC จำนวน 4 โครงการ รวมทั้งโครงการขยายท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถขนถ่ายสินค้าเหลว เช่น น้ำมัน และLNG โดยคาดว่าจะสามารถหาผู้ลงทุนทั้ง 4 โครงการได้ภายใน ก.พ. 62 และคาดว่าแผนการลงทุนในโครงการดังกล่าว รวมถึงโครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบินที่ได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้แล้ว จะยังเดินหน้าต่อแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลในอนาคต
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่ จ. เชียงราย วันนี้ (30 ต.ค. 2561) มีมติอนุมัติหลักการและกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายโครงการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาระเบียง เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย 1. โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา 2. โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก 3. โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และ 4. โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 โดยคาดว่าจะสามารถคัดเลือกเอกชนผู้ลงทุนในทั้ง 4 โครงการ ได้ภายในเดือนกุมภาพันธุ์ ปี 2562
ทั้งนี้ เมื่อรวมมูลค่าการลงทุนของทั้ง 4 โครงการที่เพิ่งได้รับอนุมัตินี้ กับโครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ซึ่ง ครม. ได้อนุมัติไปก่อนหน้า และได้มีการประกาศร่างเงื่อนไขประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง (TOR) ไปแล้ว จะมีมูลค่าการลงทุนรวม 6.5 แสนล้านบาท ซี่งคาดว่าจะก่อให้เกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงถึง 8.2 แสนล้านบาท ผลตอบแทนทางการเงิน 5.6 แสนล้านบาท และเกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 40,000 คนต่อปี
นายณัฐพร กล่าวด้วยว่า แผนการลงทุนในโครงการดังกล่าวนี้ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาล เพราะมีกฎหมายรองรับ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน